ในยุคนี้หลาย ๆ องค์กรณ์ได้ได้มีระบบหรือเทคโนโลยีที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมาขึ้น อาทิ เช่น Cloud Server/Cloud Computing

Cloud Server เป็นตัว เซิร์ฟเวอร์ ขนาดใหญ่ที่มีระบบการทำงานจาก เซิร์ฟเวอร์หลาย ๆ เครื่องพร้อมกัน

มีประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก ๆ จึงทำให้มันสามารถสร้างตัว Service ขึ้นมาทำงานได้เยอะ

Cloud Computing เป็น การใช้ซอฟต์แวร์ ระบบ และทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้เลือกกำลังการประมวลผล เลือกจำนวนทรัพยากร ได้ตามความต้องการในการใช้งาน ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลบน Cloud จากที่ไหนก็ได้ นี่คือความหมายที่ชัดเจนที่สุดของสิ่งที่เรียกว่า Cloud Computing

หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิด ในการใช้งานอุปกรณ์หรืออะไรก็ตามแต่อยู่เสมอ และสำหรับระบบใหม่ที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในกลุ่มองค์กรอย่าง Cloud Computing นี้ก็หนีไม่พ้น ถูกเข้าใจหรือใช้งานกันตามความเชื่อผิดๆ เช่นกัน

วันนี้เรารวมความเชื่อผิด ๆ 5 ข้อ  เกี่ยวกับระบบ Cloud Server/Cloud Computing มาให้ User ทุกท่านได้อ่านกัน เพื่อจะได้ไม่ทำพลาดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต

 

1.ค่าบริการจะถูกควบคุมอยู่ในระบบที่อิงตามการใช้งาน บน Cloud Server

หนึ่งในรูปแบบความเข้าใจของ User ที่มอง Cloud Computing บน Cloud Server

ว่าเก็บค่าบริการตามที่ใช้งาน แต่บางครั้งก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายนอกเหนือการใช้งานที่ไม่ทันสังเกตเกิดขึ้นได้เช่นกัน

 

2.งานเพิ่มประสิทธิภาพเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเงินด้าน IT ฝ่ายเดียว (IT Finance)

นี้อาจจะไม่ดีสักเท่าไหร่เพราะว่าฝ่าย IT Finance กับฝ่าย IT Operation นั้นแค่ดูเหมือนคล้าย แต่ก็ทำงานแยกกันคนละส่วน ฝ่าย Finance จะโฟกัสเรื่องค่าใช้จ่ายที่สัมพันธ์กับประสิทธิภาพที่ได้ ในขณะที่ฝ่าย IT Operation จะใส่ใจกับเรื่องประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น ปัญหาคือ เกิดการทิ้งภาระการอัพเกรดระบบและค่าใช้จ่ายให้ IT Finance จัดการแต่ฝ่ายเดียว ทั้งที่จริงควรมีการประสานงานกันระหว่างทั้งสองฝ่ายถึงจะถูก

 

3.ฝ่ายบริหารเงินสำหรับงาน IT (ITFM) รูปแบบเดิม ๆ เอามาใช้กับ Cloud Computing ได้

บางองค์กรอาจมองว่า ในเมื่อ Cloud Computing เป็น IT System รูปแบบหนึ่ง เพราะงั้นให้ฝ่าย IT กลุ่มเดิมๆ ดูแลเอาก็ได้ ซึ่งความคิดนี้ไม่เหมาะกับระบบ Cloud computing ที่มีความพิเศษในตัวพอสมควร บางครั้งการใช้แต่อะไรเดิม ๆ เอาแต่ตัดค่าใช้จ่าย อาจทำให้ระบบตอบสนองได้ไม่สมบูรณ์ แทนที่ระบบ Cloud Server จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อาจกลายเป็นว่าเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาแทนเช่น Latency เมื่อมี User จากทั่วโลกเชื่อมต่อเข้ามา ถ้าเป็นไปได้ทางองค์กรควรว่าจ้างผู้ชำนาญการวางระบบ Cloud Computing มาจัดการโดยเฉพาะ

 

4.วางแผนให้ Cloud Server พร้อมทำงานก่อนแล้วค่อยจัดการเรื่อง Control plane ทีหลัง

หลายองค์กรที่เริ่มใช้ Cloud Server มักโฟกัสไปยังการเตรียมระบบให้พร้อมทำงานก่อนแล้วค่อยเสริมเรื่อง Control plane ทีหลัง ซึ่งการไม่เตรียม Control plane ให้พร้อมนี้ จะทำให้เกิดปัญหาระหว่างการใช้งาน และเป็นปัญหาที่กินเวลายาวนานเสียด้วย ต่างจากการวางระบบ Control plane ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเป็นอันดับแรกๆ ถ้าวางระบบ Control plane ก่อน เราจะสามารถทดลองการทำงานของระบบและเช็คปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่พบเองในระบบ หรือที่ User แจ้งเข้ามา

 

5.Cloud Cost และ Optimization Tools รองรับ Multi-cloud Environment ได้ดี

ความเชื่อที่ว่าระบบ Cloud Optimization tools เดียวสามารถรองรับ Multi-Cloud Environment ได้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะว่าผู้ให้บริการแต่ละรายก็มีจุดแตกต่างกันมากประมาณหนึ่ง การจัดการให้ระบบรองรับกันได้ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก มันจะกลายเป็นการล็อคความหลากหลายของการใช้งานระบบ Cloud ของเราเอาไว้กับผู้ให้บริการรายเดียวแทนเสียมากกว่า ทางที่ดีควรใช้ Optimization Tools หลากหลายตัวมาทำงานร่วมกัน

 

หากใครกำลังมองหา Cloud Server ที่ได้มาตราฐานมีประสิทธิภาพ บริการแบบ 24×7 เราขอแนะนำ บริการ Cloud Server จาก ReadyIDC

“READY IDC”

ยินดีเป็นผู้ช่วยคนใหม่…ให้คุณ

สนใจติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดการให้บริการเพิ่มเติมได้ทาง

Email: [email protected] หรือ www.readyidc.com

By Ready IDC